ดักตะกอนใจ (Aware your mind's silt)

ดักตะกอนใจ

Aware your mind's silt

หัวข้อนี้ผุดขึ้นในหัวขณะกำลังอาบน้ำพอดี เชื่อว่าหลายๆคนคงเกิดความคิดดีๆขณะนั้นเช่นกัน เหมือนกับทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ชื่อ Shower Thoughts ที่ได้ติดตามอยู่หลายปี น่าสนใจตรงที่ก่อนหน้านี้อาจจะคิดไม่ออกหรือไม่เคยคิดถึงเลย แต่ทำไมเพียงแค่สายน้ำที่รดใส่หัวจึงสะกิดสมองให้ผุดไอเดียเจ๋งๆ ประโยคดีๆ หรือแม้แต่ระลึกเรื่องสำคัญที่ควรทำแต่ลืมทำไปแล้วได้อย่างน่าประหลาดใจ

เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงกับวิ่งออกมากลางคันเพื่อมาจดลงกระดาษไว้กันลืม เพราะเคยมีอยู่หลายครั้งที่นึกอะไรดีๆได้แล้วไว้ใจระบบความจำของตนเอง พอผ่านไปกลับนึกไม่ออก คิดจนหัวแทบแตก เจ็บใจอยู่หลายวัน เพียงเพราะจำได้ว่ามันเจ๋งซะจนเราเสียดายมัน

แว่บแรกที่คิดเรื่องนี้มันไหลออกมาเป็นประโยคที่ว่า

"ตราบใดที่มีตะกอน กวนยังไงมันก็ขุ่น"

คุณว่าจริงมั๊ย ไม่ว่าเราจะเบามือเพียงใด น้ำที่มีตะกอนนอนก้นมันก็จะเริ่มขุ่นมัวทีละน้อย หรือในบางครั้งเพียงแรงสั่นสะเทือนจากภายนอกหรือการกระแทกทางอ้อมก็ส่งผลให้ตะกอนเต้นระบำได้เช่นกัน นับประสาอะไรกับการโยนก้อนหินโครมลงไป น้ำแทบจะกลายร่างเป็นโคลนดินทันที

ถ้าคิดว่าตะกอนเหล่านี้มันนอนก้นอยู่ในใจของเราบ้างล่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงเกิดความรู้สึกขึ้นและลง มากบ้างน้อยบ้างในชั่วอึดใจของเราในแต่ละวัน บางครั้งบอกได้เลยว่า รุนแรงราวกับนักเต้นเท้าไฟที่ร่ายลีลาไปทั่วฟลอร์ กว่าจะสงบลง ยอมรับว่าเหนื่อยและหอบอยู่ข้างในจริงๆ

ในเมื่อเราเป็นมนุษย์ปุถุชนเดินดินอยู่ใต้ฟ้า มันจะมีโอกาสมั๊ยที่ตะกอนจะหายไปจากใจเรา เพราะถ้าตราบใดที่ยังมีตะกอน ใจเราก็ยังคงถูกทำให้ขุ่นมัวได้เสมอเช่นกัน แต่ทุกคนต่างก็แสวงหาความนิ่งและความใสที่จะก่อให้เกิดความสุขอันเป็นอุดมคติ การกำจัดตะกอนน่าจะเป็นกลยุทธ์ที่เห็นผลลัพท์ได้ตามตรรกะนี้มากที่สุด คิดน่ะง่ายแต่ปฏิบัติจริงก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณา รวมไปถึงศักยภาพของแต่ละท่านที่คิดจะใช้กลยุทธ์นี้จริงจังและยั่งยืนแค่ไหน

ถ้าประเมินสถานการณ์ของตนเองแล้ว คิดว่านาทีนี้การกำจัดตะกอนไม่น่าจะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น การอยู่กับตะกอนให้ได้น่าจะเป็นโอกาสที่สร้างสันติสุขให้กับคนธรรมดาสามัญได้อย่างเรามากกว่า โดยมี 2 กลยุทธ์สำคัญที่น่าจะช่วยทำให้ใจที่ขุ่นไปแล้วกลับนิ่งตั้งศูนย์ได้ง่ายขึ้น

1. เฝ้ามองตะกอนที่ฟุ้งกระจาย - เพราะมันขุ่นไปแล้ว มองเห็นและยอมรับ ที่ทำได้จริงๆคือการสำรวจใจ สำรวจกายว่าเป็นอย่างไร มันเจ็บมั๊ย มันคันมั๊ย มันทุรนทุรายหรือเปล่า เห็นอาการให้ชัดเจนขึ้นแล้วหยุดใจให้รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง ค่อยๆดูตะกอนที่ทิ้งตัวลงช้าๆ จนเราหายใจเข้าออกตามปกติได้เหมือนเดิม

2. ดักตะกอนก่อนที่จะฟุ้งครั้งใหม่ - แม้ว่าจะตักมันออกไปจากใจทันทีไม่ได้ แต่เคยสงสัยมั๊ยว่าตะกอนเหล่านี้มันมาจากที่ไหน มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หลายครั้งตะกอนที่ทับถมกันจนหนานี้ ตัวเราเองแหละที่เป็นคนเทใส่มันลงมากับมือ ตอนนี้ก็ได้แต่แอบสงสารตัวเองเหมือนกัน ยาที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือ กลับมารักตัวเองให้มากขึ้นอีกนิด อย่าเพิ่งเติมตะกอนอะไรใส่ลงไปในใจของเราเองอีกเลย

เพียงแค่ตระหนักรู้ถึงตะกอนใจและรักตัวเองอย่างระลึกตนได้ คิดการใหญ่หรือตั้งต้นวันใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ต่อให้ใครมากวนน้ำให้ขุ่นหรือมีอะไรมากระแทกใจให้หัวร้อน บอกตัวเองไว้ เราจะไม่เหนื่อยหอบยาวนานเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะนาทีนี้ตัวเราเองนี่แหละคือสาเหตุของทุกสิ่ง ถ้าเราไม่เติมตะกอนเพิ่มหรือแม้แต่ไม่กวนตะกอนด้วยน้ำมือของเราเอง ใจเราก็จะทั้งนิ่งและทั้งเบาแม้ว่าจะยังมีตะกอนนอนก้นอยู่ก็ตาม

อาจารย์จี
Life Strategy by JEE
Copyright © 2017

Facebook : Life Strategy by JEE
Twitter : Life Strategy by JEE

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อ CEO ลงมือทำแบรนด์

เมื่อแบรนด์หันมารุกด้วยการฟัง (Your Brand Wins in Voices)