5 สัญญาณสุขภาพแบรนด์ (Well-being of Branding)


5 สัญญาณสุขภาพแบรนด์ที่ธุรกิจต้องมี

หากเปรียบธุรกิจเป็นคนๆหนึ่ง ความรู้สึกนึกคิดที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคมีต่อคนๆนั้นก็คือแบรนด์นั่นเอง เพราะแบรนด์คือภาพสะท้อนของธุรกิจที่อยู่ในความคิดและคำพูดของผู้คน หากผู้ประกอบการหรือผู้บริหารสูงสุดเข้าใจและตระหนักถึงการคิดแบรนด์แบบองค์รวมโดยไม่แยกออกจากกัน เมื่อการสร้างธุรกิจกับการสร้างแบรนด์คือภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินไปควบคู่กัน ความสำเร็จที่ยั่งยืนก็จะเป็นรางวัลของคนทำธุรกิจที่แข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

ลองเริ่มต้นมองหาสัญญาณที่ส่อถึงสุขภาพแบรนด์ของเราในมุมมองต่างๆทั้ง 5 ประการนี้

  1. Big Picture 
การสร้างแบรนด์ของคุณมีภาพปลายทางที่อยากเห็นหรือไม่? เป็นภาพที่แสดงเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่และคุณค่าสูงสุดที่อยากจะส่งมอบให้กับผู้คนและสังคม ที่สำคัญเป็นภาพเดียวกับภาพธุรกิจที่วาดหวังไว้หรือไม่? ภาพนั้นควรมีความคมชัดและสามารถบ่งบอกถึงทิศทางหรือเส้นทางที่จะก้าวเดินต่อไปได้ ถ้ายังไม่มีภาพนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่คนทำธุรกิจจะนั่งลงครุ่นคิดภาพนี้ให้ชัดเจนและมีพลังต่อการเดินหน้ากิจการให้ไปในทิศทางเดียวทั้งองค์กร
  1. Connectedness 
การสร้างแบรนด์ของคุณมีความเชื่อมโยงต่อการบริหารจัดการธุรกิจมากน้อยเพียงใด? องค์กรชั้นนำระดับโลกที่ประสบความสำเร็จต่างเข้าใจถึงเรื่องนี้ว่า ยิ่งทำความเข้าใจเรื่องแบรนด์มากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นโอกาสในการพัฒนาการทำธุรกิจให้มีพลังมากขึ้นเท่านั้น การสร้างแบรนด์จะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายเมื่อทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมและเห็นความเชื่อมโยงด้วยตัวของพวกเขาเอง 
  1. Openness
การสร้างแบรนด์ของคุณเกิดขึ้นจากการเปิดรับความต้องการและความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่? แบรนด์ของคุณใจกว้างพอที่จะรับฟังเสียงสะท้อนกลับที่ตรงไปตรงมาจากลูกค้า ผู้บริโภค หรือแม้แต่พนักงานของคุณเองหรือไม่? การมีความชัดเจนและโดดเด่นอาจจะทำให้แบรนด์ของคุณได้รับความสนใจก็จริง แต่จะดีแค่ไหนถ้าแบรนด์สามารถเรียนรู้และปรับตัวให้ยังเป็นที่หนึ่งในใจของทุกคนได้ในทุกช่วงเวลา
  1. Good Citizen 
การสร้างแบรนด์ของคุณมาจากความคิดที่เอาธุรกิจของคุณเป็นศูนย์กลางหรือเอาผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง? แบรนด์ของคุณเมื่ออยู่ท่ามกลางประชาคมของแบรนด์แล้วอาจจะถูกกลืนหรือถูกลืมได้ง่ายๆ การที่เจ้าของกิจการเข้าใจถึงความเป็นจริงนี้จะหมั่นใส่ใจทำดีอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะถูกเลือกหรือไม่ก็ตาม 
  1. Full Time Job 
การสร้างแบรนด์ของคุณเป็นเพียงแคมเปญเปิดตัวหรือวางแผนงานเอาไว้แค่ระยะสั้นๆหรือไม่? ถ้าธุรกิจของคุณอยากแข็งแรงจริงๆ การเร่งบำรุงในเวลาอันรวดเร็วเกินแล้วทอดทิ้งไป อาจไม่เป็นผลดีต่อการสานต่อความสำเร็จไปในอนาคต การสร้างแบรนด์เป็นงานประจำ เป็นความรับผิดชอบที่เรียกร้องวินัยสูง เป็นภารกิจที่เมื่อออกวิ่งแล้วต้องวิ่งกันไปจนกว่าวันสุดท้ายที่คุณอยากจะออกจากการแข่งขันในธุรกิจนี้ 

เพราะสำหรับลูกค้าหรือผู้บริโภคของคุณแล้ว คุณคือคนในดวงใจของพวกเขา ประสบการณ์ของแบรนด์ที่ธุรกิจคุณส่งมอบให้พวกเขาเป็นพลังบวก จริงใจ และต่อเนื่อง สะท้อนตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จะตอบแทนคุณด้วยความผูกพันและจงรักภักดีที่นำมาซึ่งความสำเร็จทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างแน่นอน


วันนี้คุณตรวจสุขภาพแบรนด์ของคุณเองแล้วหรือยัง?
อาจารย์จี
Life Strategy by JEE
Copyright © 2016
Facebook : goo.gl/Ei8lYq
Twitter : goo.gl/zQE2nC
Blog : goo.gl/02HbPk

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดักตะกอนใจ (Aware your mind's silt)

รูปภาพ
ดักตะกอนใจ Aware your mind's silt หัวข้อนี้ผุดขึ้นในหัวขณะกำลังอาบน้ำพอดี เชื่อว่าหลายๆคนคงเกิดความคิดดีๆขณะนั้นเช่นกัน เหมือนกับทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ชื่อ Shower Thoughts ที่ได้ติดตามอยู่หลายปี น่าสนใจตรงที่ก่อนหน้านี้อาจจะคิดไม่ออกหรือไม่เคยคิดถึงเลย แต่ทำไมเพียงแค่สายน้ำที่รดใส่หัวจึงสะกิดสมองให้ผุดไอเดียเจ๋งๆ ประโยคดีๆ หรือแม้แต่ระลึกเรื่องสำคัญที่ควรทำแต่ลืมทำไปแล้วได้อย่างน่าประหลาดใจ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงกับวิ่งออกมากลางคันเพื่อมาจดลงกระดาษไว้กันลืม เพราะเคยมีอยู่หลายครั้งที่นึกอะไรดีๆได้แล้วไว้ใจระบบความจำของตนเอง พอผ่านไปกลับนึกไม่ออก คิดจนหัวแทบแตก เจ็บใจอยู่หลายวัน เพียงเพราะจำได้ว่ามันเจ๋งซะจนเราเสียดายมัน แว่บแรกที่คิดเรื่องนี้มันไหลออกมาเป็นประโยคที่ว่า "ตราบใดที่มีตะกอน กวนยังไงมันก็ขุ่น" คุณว่าจริงมั๊ย ไม่ว่าเราจะเบามือเพียงใด น้ำที่มีตะกอนนอนก้นมันก็จะเริ่มขุ่นมัวทีละน้อย หรือในบางครั้งเพียงแรงสั่นสะเทือนจากภายนอกหรือการกระแทกทางอ้อมก็ส่งผลให้ตะกอนเต้นระบำได้เช่นกัน นับประสาอะไรกับการโยนก้อนหินโครมลงไป น้ำแทบจะกลายร่างเป็นโคลนดินทันที ถ้า...
อ่านเพิ่มเติม

5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อ CEO ลงมือทำแบรนด์

รูปภาพ
5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อ CEO ลงมือทำแบรนด์ CEO หรือผู้บริหารหมายเลข 1 ขององค์กรส่วนใหญ่ ซึ่งในบางที่อาจมีความหมายรวมถึงเจ้าของกิจการ ผู้ก่อตั้งหรือ Founder ก็สามารถเป็นไปได้ มักมีความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงในการคุมบังเหียนการบริหารสูงสุดเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนกิจการจนบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ทางธุรกิจให้จงได้ แน่นอนว่าระดับเบอร์นี้แล้วย่อมโฟกัสไปที่สัมฤทธิ์ผลของการดำเนินกิจกรรมทั้งหมดขององค์กรหรือว่ากันง่ายๆก็คือ ตอบ Bottom Line ของบริษัทที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ? และส่วนมาก Bottom Line ก็คือตัวเลขผลประกอบการนั่นเอง แล้ว CEO เกี่ยวข้องอย่างไรกับแบรนด์ ? เป็นคำถามที่ดูเหมือนว่ามีการพูดคุยกันเยอะ และคำตอบที่ได้รับส่วนใหญ่ก็มักเป็นคำพูดสวยงามประมาณว่าเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เกี่ยวแน่นอน ปกติ CEO ก็ต้องออกมาแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์เรื่องแบรนด์ตลอดเวลาอยู่แล้ว อะไรประมาณนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่คำตอบที่ผิด แต่อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องครบถ้วนและสมบูรณ์จริงๆ เพราะอะไร ? ย้อนกลับไปอ่านในย่อหน้าแรก จะเห็นว่าภารกิจสำคัญของ CEO คือการทำให้องค์กรไปถึงเป้าหมายให้ได้ ด...
อ่านเพิ่มเติม

เมื่อแบรนด์หันมารุกด้วยการฟัง (Your Brand Wins in Voices)

รูปภาพ
เมื่อแบรนด์หันมารุกด้วยการฟัง Your Brand Wins in Voices สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ทำงาน ให้คำปรึกษา และบรรยายสายแบรนด์มานานพอสมควร คือการได้เข้าใจถึงคำว่าแบรนด์ที่แทบไม่ต่างจากชีวิตจริงของคนเราเลย มีบางอย่างที่ตัวเราหรือแบรนด์ของเราก็ไม่สามารถพูดได้ด้วยตัวเองอย่างเต็มปาก คุณว่าจริงมั๊ย? เคยได้ยินใครพูดว่าตนเองเป็นคนดีหรือเป็นคนเก่งบ้าง? ฟังแล้วรู้สึกอย่างไร? ผู้เรียนหลายคนเคยยกมือตอบว่านั่นคือการโฆษณา บางอย่างก็ต้องเป็นเรื่องของการยอมรับ ถ้าดีจริงเก่งจริง คนที่ได้พบเห็นได้สัมผัสตัวจริงเดี๋ยวก็รู้เอง สุดท้ายผู้ฟังจะกลายเป็นผู้บอกต่อกันเพราะเป็น "ความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อคนๆนั้น"  การพูดเองไปซะทุกอย่างเสี่ยงต่อปฏิกิริยาต่างๆ จึงมีสำนวนเด็ดที่ว่า การกระทำนั้นดังกว่าคำพูด (Actions speak louder than words) แบรนด์เองก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่ จุดยืนตัวตนเรื่องเด่นข้อดีของแบรนด์มีให้พูดเพียบเลยขนมาพูดเยอะๆพูดบ่อยๆเพี่อว่าแบรนด์จะได้แจ้งเกิดและครองที่นั่งในใจผู้บริโภคได้สำเร็จ แต่การพูดอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้แปลว่าจะเกิดการยอมรับและบอกต่อ ถ้าหาก "ความรู้สึ...
อ่านเพิ่มเติม